วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ประวัติ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (อังกฤษ: Jordan Brian Henderson) เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 1990 ที่ซันเดอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ เป็นนักฟุตบอลของทีมชาติอังกฤษในชุดปัจจุบัน เล่นในตำแหน่งกองกลาง
เฮนเดอร์สันเคยเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลซันเดอร์แลนด์ในปี ค.ศ. 2008 โดยทำประตูไป 4 ประตู ปัจจุบันเขาได้ย้ายมาเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลในปี ค.ศ. 2011 โดยสวมเสื้อหมายเลข 14 และเป็นรองกัปตันทีมลิเวอร์พูลในปี 2014 และในวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 ลิเวอร์พูล แต่งตั้ง เฮนเดอร์สัน ให้เป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูลแทน สตีเวน เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีมที่ย้ายไปอยู่ ลอสแอนเจลิส แกแลกซี

ซันเดอร์แลนด์

เฮนเดอร์สัน เติบโตมาจากระบบเยาวชนของ ซันเดอร์แลนด์ สโมสรที่เขาอยู่ด้วยตั้งแต่อายุ 7 ขวบ
ก่อนที่จะได้มีโอกาสประเดิมสนามให้ทีมแมวดำในเกมพบกับ เชลซี ในเดือนพฤศจิกายน 2008 เฮนเดอร์สันทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการพาซันเดอร์แลนด์ ยู 18 คว้าแชมป์ลีกเยาวชนมาครองได้สำเร็จ
เฮนเดอร์สัน กลับมาเล่นกับต้นสังกัดจริงอย่างซันเดอร์แลนด์ อีกครั้ง รอบนี้เขาถูกดันขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว โดยเล่นในตำแหน่งปีกขวา และด้วยผลงานที่เล่นได้อย่างสม่ำเสมอ ทีมแมวดำจึงตอบแทนเขาด้วยการมอบสัญญา 5 ปีให้รวมถึงเขายังได้รับเลือกให้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของซันเดอร์แลนด์ในปีนั้นด้วย
เฮนเดอร์สันเล่นให้กับ ซันเดอร์แลนด์ ในปี 2011
ฤดูกาล 2010-11 เฮนเดอร์สันยังคงเป็นตัวหลักของซันเดอร์แลนด์อย่างเหนียวแน่น แม้ว่าอายุจะยังน้อยก็ตามโดย สตีฟ บรู้ซ บอสใหญ่แมวดำปรับเขามาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งทำให้ฟอร์มการเล่นของ เฮนเดอร์สัน ยิ่งโดดเด่นเข้าไปใหญ่เพราะตัวเขาเองมีทักษะในการจ่ายบอลและการอ่านเกม ที่ชาญฉลาดอยู่ในตัวอยู่แล้ว
เฮนเดอร์สัน ลงสนามช่วยทีมแมวดำไปครบ 38 นัดไม่มีขาดเรียกว่าเป็นหัวใจของทีมแมวดำอย่างแท้จริงและเขาก็คว้าตำแหน่งนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรมาครองได้อีกครั้งเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน
เฮนเดอร์สันอำลาถิ่นสเตเดียมออฟไลต์ โดยทิ้งผลงานการรับใช้ทีมบ้านเกิดเอาไว้ที่ 79 นัดและทำไปทั้งหมด 5 ประตู

คอเวนทรีซิตี (ยืมตัว)

เฮนเดอร์สัน ถูกส่งตัวไปขัดเกลาฝีเท้ากับ คอเวนทรีซิตี ในเดือนมกราคมปี 2009 ซึ่งที่นั่นเขาได้รับโอกาสลงสนามไปทั้งหมด 13 นัด ทำได้ 1 ประตูจากทุกถ้วยและน่าจะมีสถิติการลงสนามที่ดีกว่า นั้นด้วย ถ้าไม่ได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องพักยาวไปเสียก่อน

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

การวัดผลงานของ วิดิช และ ฟานไดค์

การวัดผลงานของ วิดิช และ ฟานไดค์ สองกองหลังที่ดูที่สุด มาดูกันว่าสถิติของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร

เนมานย่า วิดิช ตำนานปราการหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดเซนเตอร์แบ็กของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับ “ปีศาจแดง” ระหว่างปี 2006-2014 โดยสามารถคว้าแชมป์ได้อย่างมากมาย รวมทั้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2007/08
ขณะที่ช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เซนเตอร์แบ็ก ลิเวอร์พูล ถูกยกให้ก้าวขึ้นมาเป็นปราการหลังดีสุดใน พรีเมียร์ลีก หลังเล่นได้อย่างเหนีวแน่น พา “หงส์แดง” คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปีที่แล้ว และจ่อคว้าแชมป์ลีกฤดูกาลนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ ข่าวกีฬา

วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

barcelona

barcelona น่าหืดจับเกือบไม่รอด ไล่ตามเจ๊า นาโปลี 1-1 ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก



ข่าวกีฬา ที่เสนอวันนี้ บาร์เซโลน่าเกือบไม่รอด ไล่ตามเจ๊า นาโปลี เริ่มเกมเครึ่งแรกเป็นฝ่าย บาร์เซโลน่า ครองบอลบุกมากกว่าได้โอกาสทักทายก่อน จากจังหวะทำชิ่งของ เฟร็งกี้ เดอ ยอง แปะคืนให้ ลิโอเนล เมสซี่ ก้มหน้าเตะด้วยซ้ายบอลเหินข้ามคานออกไป
ฝั่ง นาโปลี พยายามโต้กลับเร็วเกือบทำสำเร็จจากลูกจ่ายของ ฟาเบียน รูอิซ วางยาวให้ โฆเซ่ กาเยฆ่อน หลุดขึ้นมาทางฝั่งขวาแต่จังหวะจ่ายเข้าในไปแฉลบ จูเนียร์ ฟีร์โป้ เปลี่ยนทางเข้ามือ แทร์ ชเตเก้น
กลายเป็น นาโปลี ได้ประตูขึ้นนำ จากความผิดพลาดของ จูเนียร์ ฟีร์โป้ แตะ แทงบอล ยาวโดน พิโอเตอร์ เซียลินสกี้ ตัดได้ก่อนจ่ายย้อนเข้ากลางให้ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ แตะหาช่องปั่นโค้งด้วยขวาเสียบสามเหลี่ยมสุดสวย
จบเกมครึ่งแรก นาโปลี นำ บาร์เซโลน่า อยู่ 1-0


เกมเริ่มขึ้นครึ่งหลัง นาโปลี เจอข่าวร้ายเมื่อ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว เจนนาโร่ กัตตูโซ่ ไม่มีทางเลือกต้องส่ง อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค ลงสนามแทน
ต่อมา บาร์เซโลน่า ตามตีเสมอสำเร็จจาก แทงบอล ทะลุช่องของ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ จ่ายให้ เนลซอน เซเมโด้หลุดกับดักล้ำหน้าส่งต่อเข้าในให้ อองตวน กรีซมันน์ กดด้วยขวาเข้าไป
นาโปลี เกือบได้ประตูขึ้นนำ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ พาบอลแหวกแนวรับ บาร์เซโลน่า ก่อนหวดด้วยขวาไปติดเซฟ แทร์ ชเตเก้น ถัดมาเจ้าถิ่น พลาดโอกาสทองจากจังหวะของ อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค แทงออกขวาให้ โฆเซ่ กาเยฆ่อน ได้ดวลเดี่ยวกับ แทร์ ชเตเก้น ระยะไม่ถึง 5 หลาแต่เจ้าตัวยิงไปติดเซฟอย่างน่าเสียดาย
บาร์เซโลน่า ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คนหลัง อาร์ตูโร่ วิดัล ไปเข้าช้าใส่ มาริโอ รุย แถมไปเถียง เฟลิกซ์ บรีช ผู้ตัตสิน ไม่มีทางเลือกให้ใบเหลืองสองครั้งก่อนชูใบแดงไล่ออกจากสนามไป
จบเกม บาร์เซโลน่า ไล่ตีเสมอ นาโปลี 1-1 

ขอบคุณข้อมูลเพื่มเติมได้ที่ 

วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ผีแดง ได้นัดล้างตาไล่ถลุง สาลิกาดงนิ่มคาถิ่น ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อคืนที่ผ่านมา 

 ข่าวกีฬา



ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำเอาแฟนบอลเสียวนิดหน่อยเมื่อโดน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ขึ้นนำแต่ด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพของพวกเขาทำให้สามารถกลับมาไล่ยิงคืน 4 ประตูรวดส่งผลให้จัดการอัดทีมเยือนสกอร์ 4-1 เกมบ็อกซิ่ง เดย์ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เกมนี้ “ปีศาจแดง” แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีหัวจิตหัวใจนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ และนี่เป็นสิ่งที่สาวก “เร้ด อาร์มี่” ประทับใจมากๆ ที่สำคัญแนวรุก 3 ประสาน มาร์คัส แรชฟอร์ด, อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล และ เมสัน กรีนวู้ด ต้องบอกเลยว่าสะเด็ดสะเด่าดีเหลือเกิน
ขณะเดียวกันในส่วนของเกมรับ อาจจะยังมีปัญหาอยู่บ้าง และเป็นสิ่งที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จำเป็นต้องมีการแก้ไข เพราะหากทีมเล่นไม่รัดกุมเมื่อเจอกับสโมสรที่มีแนวรุกเฉียบคม มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะสร้างความยากลำบากได้
ดูเหมือนว่า โซลชา น่าจะได้ 3 ประสานแนวรุกแห่งอนาคตเรียบร้อยแล้ว เพราะการที่เขาใส่ชื่อ มาร์คัส แรชฟอร์ด, อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล และ เมสัน กรีนวู้ด ยืนเป็น 3 ประสานแดนหน้า แสดงให้เห็นว่า “น้าลูกอม” มั่นอกมั่นใจว่านี่แหละคือแนวรุกที่จะสร้างปัญหาให้เกมรับ นิวคาสเซิ่ง ยูไนเต็ด และสโมสรอื่นๆ
ต้องบอกว่าการคาดการณ์ของ โซลชา ถูกต้องเป๊ะ เมื่อทั้ง 3 คนสามารถปั่นป่วนแนวรับ “สาลิกาดง” ได้ตลอด แต่ในช่วงแรกพวกเขาขาดแค่ความเฉียบคมเท่านั้น ทำให้ยังไม่มีชื่อเป็นผู้ทำประตูอยู่บนสกอร์บอร์ด แต่ในส่วนของการมีส่วนร่วมกับเกมบอกเลยว่า “ทริปเบิ้ลเอ็ม” สร้างความหวาดเสียวได้ตลอด
ที่สำคัญหลังจาก มาร์กซิยาล ซัดประตูตีเสมอได้สำเร็จ ที่เหลือก็เป็นเรื่องการโชว์เทพของเหล่าขุนพล “เร้ด เดวิลส์” โดยเฉพาะสามประสาน “เอ็มเอ็มเอ็ม” (MMM) ที่เดินหน้าช่วยกันส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย โดยเฉพาะ กรีดวู้ด ลีลาการยิงประตูของเขายิ่งทำให้สาวก “เร้ด อาร์มี่” หวนนึกถึง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เข้าไปอีก ข่าวกีฬา



สำหรับครึ่งหลัง เจ้าถิ่น ได้ประตูเพิ่มเร็ว ทำให้เกมขาดสนิท และ “ผีแดง” สามารถครองเกมได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ทีมจะต้องเสี่ยงใช้แข้งสำคัญลงเล่นทั้งเกมเนื่องจากพวกเขายังมีโปรแกรมหฤโหดรออยู่
งานนี้หาก แดเนี่ยล เจมส์ กลับมาลงสนาม คงยิ่งทำให้เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด น่ากลัวมากขึ้น เพราะ ดาวเตะชาวเวลส์ สามารถเล่นเป็นตัวฟรี และยิ่งทำให้เกมรับของคู่แข่งต้องประหวั่นพรั่นพรึงเพราะไม่รู้ว่าจะตามประกบใครดีเนื่องจากแต่ละคนมีสปีดเร็วกว่านรกทั้งนั้น
แน่นอนว่าเจ้าถิ่น คงออกอาการเครียดสุดๆ เมื่อเห็นเจ้าหนูแม็ตธิว ลองสตาฟฟ์ ซัดประตูให้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 17 ทำให้ภาพจำในแมตช์แรกที่เซนต์ เจมส์ พาร์ด ผุดขึ้นมาทันทีเพราะเด็กดาวรุ่งคนนี้คือผู้ซัดประตูชัยสุดสวยให้ “สาลิกาดง”
อย่างไรก็ตามแมตช์นี้สิ่งที่เปลี่ยนแปลงสำหรับขุนพล “ปีศาจแดง” ก็คือหัวใจนักสู้ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวเมื่อโดยทีมเยือนขึ้นนำ และยังคงเดินหน้าเล่นเกมบุกต่อไป เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพแนวรุกของพวกเขาว่าจะยิงประตูคืนได้
จากการประสานงานอย่างสุดยอดที่เริ่มจาก ลุค ชอว์ ส่งให้ อันเดรียส เปเรยร่า ที่แตะบอลให้ มาร์กซิยาล ได้ส่องเต็มๆ และงานนี้ ดาวยิงชาวฝรั่งเศส ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อจัดการกดประตูตีเสมอให้กับทีมได้สำเร็จหลังจากโดนนำไปแค่ 7 นาทีเท่านั้น
ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะเหล่าแข้งแมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงดาหน้าไล่บดขยี้ นิวคาสเซิ่ล จนตั้งลำไม่ถูกก่อนจะโดนอีกสองประตูในครึ่งแรกจาก กรีนวู้ด และ แรชฟอร์ด ขณะที่ในครึ่งหลัง มาร์กซิยาล ส่องอีกประตู ที่สำคัญสกอร์อาจจะขาดกระจุยกว่านี้หากเหล่าแข้งผีเล่นแบบเน้นๆ และมีความเฉียบคม
ฟุตบอลเป็นเรื่องของความผิดพลาด ! หลายคนมักจะพูดประโยคนี้ แต่ในเกมที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ดูเหมือนแนวรับของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จะผิดพลาดค่อนข้างน่าเกลียดเกินไป และสิ่งนั้นสร้างความเสียหายจนถึงขั้นทำให้ทีมต้องตกเป็นรอง
จุดเปลี่ยนสำคัญของ นิวคาสเซิ่ล ก็คือการเสียประตูที่สองในนาทีที่ 36 ซึ่งเป็นจังหวะที่ไม่ควรจะเสีย แต่ เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ ดันทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากเมื่อพยายามครองบอลจนโดนนักเตะแมนฯ ยูฯ ไล่กดดันสุดท้ายส่งบอลพลาดให้ กรีนวู้ด ได้โอกาสลากไปตะบันเต็มข้อ
ขณะที่ในครึ่งหลังความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นเกมเมื่อ ฌอน ลองสตาฟฟ์ ทะลึ่งจ่ายคืนบอลคืนหลังแต่ดันสั้นไปก็เลยโดน มาร์กซิยาล ฉกไปสั่งสอน ซึ่งประตูนี่ถือเป็นการตอกฝาโลงฝัง “สาลิกาดง” ไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาแน่นอนแล้ว
ฉะนั้นการเล่นที่ผิดพลาดกับทีมใหญ่อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด สิ่งที่ นิวคาสเซิ่ล ได้รับก็คือความพ่ายแพ้แบบย่อยยับ
ก่อนหน้านี้ทีมขาด ปอล ป็อกบา แผงกองกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูเหมือนยังขาดประสิทธิภาพ และความคงเส้นคงวา โดยบางเกมพวกเขาเล่นได้โดดเด่น ในขณะเดียวกันในบางเกมผู้เล่นมิดฟิลด์กลับไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างที่ต้องการ
สำหรับแมตช์นี้ สาวก “ผีแดง” คงรู้สึกดีใจพอสมควรเมื่อเห็นรายชื่อของ ป็อกบา อยู่ในซุ้มม้านั่งสำรอง เพราะด้วยศักยภาพของเขา มั่นใจได้เลยว่าหากทีมเกิดตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง โซลชา คงจะส่ง สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศส ลงสนามเพื่อช่วยสร้างความแตกต่างให้กับทีม
หากมองจากแมตช์รับมือ “เดอะ แม็กพายส์” จังหวะที่ทีมเสียประตูเห็นได้ชัดเจนว่ามีช่อว่างใหญ่มากระหว่าง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด และผู้เล่นเกมรับของทีมทำให้ โชลินตอน ได้หลุดเข้าไปในกรอบก่อนจะพิงตัวบัง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แล้วไหลเข้ากลางให้ ลองสตาฟฟ์คนน้อง กดด้วยขวาพุ่งเลียดเสียบโคนเสาเข้าไป
อย่างไรก็ตามการที่ แม็คโทมิเน่ย์ มีปัญหาบาดเจ็บทำให้ โซลชา จำเป็นต้องส่ง ป็อกบา ลงสนามตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง แต่ดูเหมือนว่านักเตะแทบจะไม่ต้องเจอกับงานยากลำบากจากผู้เล่นนิวคาสเซิ่ล แถมยังเล่นได้สบายๆ และยังมีจังหวะวิ่งทะลุเข้าไปสร้างปัญหาในเขตโทษทีมเยือนได้ด้วย


แน่นอนว่าการที่ ป็อกบา ลงมาช่วยสร้างความแตกต่างให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ทันที และยิ่งทำให้ทีมครองเกมตลอด ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือทีมต้องหวังให้ ดาวเตะแชมป์โลก รักษาความฟิตไปจนกระทั่งจบซีซั่น และมั่นใจได้เลยว่าเจ้าตัวจะโชว์ทีเด็ดได้มากกว่านี้
ในขณะที่แนวรุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นแล้วว่าร้อนแรงเกินห้ามใจขนาดไหน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะละเลยเรื่องสำคัญนั่นก็คือเกมรับที่ดูเหมือนจะเกิดอาการเครื่องสะดุดอีกครั้ง โดยเฉพาะกับการจัดการเกมรุกของ นิวคาสเซิ่ล ในช่วงต้นเกม http://canadagooseoutletstore.name/

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ดูเหมือนยังประสานงานกันไม่ค่อยดีนัก เมื่อเจอ โชลินตอน จ่ายบอลทะลุให้ ดไวท์ เกย์ล หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปซัดด้วยซ้ายเต็มข้อบอลพุ่งเฉียดคานแบบได้เสียว จนกระทั่งมาโดน โชลินตอน โชว์ทีเด็ดพิงตัวบัง แม็กไกวร์ ก่อนจะส่งให้ ลองสตาฟฟ์คนน้อง ซัดประตูขึ้นนำ


แม้ว่าแมตช์นี้บทสรุปจะเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไล่ถลุงทีมเยือนอย่างเมามันก็ตาม แต่การเห็นเกมรับที่ยังดูเหมือนมีปัญหา อาจจะส่งผลกระทบกับพวกเขาเมื่อเจอกับทีมที่มีเกมรุกคมกริบ ที่สำคัญกาาเสียประตูนี้ยังทำให้ “ผีแดง” ไม่สามารถเก็บคลีนชีตในพรีเมียร์ลีก ถึง 14 แมตช์แล้วถือว่านานที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร
ฟอร์มผีแดงก็เริ่มดีขึ้น การเล่นทั้งสไลบอล ก้เป็นเรื่องง่ายต่อการเล่นอีก